ทฤษฎีใด อธิบายปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมทางสถาบัน ทางสังคมดังต่อไปนี้ (สถาบันทางครอบครัว)

การเปลี่ยนแปลงของสถาบันครอบครัว

ทฤษฏีภาวะทันสมัย

นอกจากการเปลี่ยนแปลงทางประชากรแล้วกระแสโลกาภิวัตน์ที่โถมเข้าสู่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่องยังส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างรวดเร็ว ที่เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งคือ ค่านิยมเกี่ยวกับครอบครัวและการแต่งงานเริ่มเปลี่ยนไป สิ่งนี้มีผลกระทบโดยตรงต่อสถาบันครอบครัว ทำให้มีการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านรูปแบบและเวลาในการเริ่มต้นสร้างครอบครัว การดำรงและการสืบทอดครอบครัว รวมถึงการปรับบทบาทและหน้าที่ของสมาชิกในครอบครัว

 1. ครอบครัวมีขนาดเล็ก​ ครอบครัวเดี่ยวในสมาชิกครอบครัวมีจำนวนน้อยลง

2. การเปลี่ยนแปลงรูปแบบครอบครัว​ เช่น​ ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวเฉพาะพ่อและแม่​เลี้ยงลูกตามลำพัง​ ครอบครัวเฉพาะเด็กอยู่ตามลำพัง​ ครอบครัวผู้สูงอายุ

3.คนในครอบครัวออกไปทำงานข้างนอกมากขึ้น​ การทำงานบ้านลดน้อยลง​ การทำการนอกบ้านทำให้เกิดภาวะเครียดจะนำไปสู่ความสัมพันธ์ทำให้เกิดปัญหาคนในครอบครัว

4. การแต่งงานและจดทะเบียน​ มีแนวโน้มลดลง​ การอยู่กินกันฉันสามีภรรยาโดยไม่แต่งงานเพิ่มขึ้น​ สะท้อนให้เห็นถึง​ พฤติกรรมความเป็นครอบครัวที่เปลี่ยนแปลงไป 
5. ค่านิยมใหม่ๆ​ เช่น​ ครอบครัวที่แต่งงานกันโดยไม่ต้องมีบุตร

6. ความสัมพันธ์ภายในครอบครัว​ ระหว่างเครือญาติลดน้อยลง​ การพึ่งพาช่วยเหลือกันลดน้อยลง​ ทางด้านเศรษฐกิจ​ สังคม​ มีแนวโน้ม​ ทำภายในครอบครัวลดลง​ มีสภาพการต่างคนต่างอยู่มากขึ้น

7.​ การอบรมเลี้ยงดูสมาชิกในครอบครัวเปลี่ยนแปลงไป​ การทำหน้าที่ในการอบรมเลี้ยงดูสมาชิกลดน้อยลง​ เช่น​ สถานรับเลี้ยงเด็ก​ โรงเรียน

ที่มา:https://kamponginfo.blogspot.com/2017/03/conceptualized-frame-on-modernization.html?m=1&fbclid=IwAR0_EfvjARrsVfFH_iaI492AdMDr4P_D05G3d2oFblFojwLSaiXlO39oYcA

ทฤษฎีใด อธิบายปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมทางสถาบัน ทางสังคมดังต่อไปนี้ (สถาบันทางศาสนา)

ทฤษฎีใด อธิบายปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมทางสาบัน ทางสังคมดังต่อไปนี้ กลุ่มที่2 สถาบันทางศาสนา ได้ครอบคลุมชัดเจนที่สุดอย่างไร (งานกลุ่ม)  ทฤษฎีที่อธิบายการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมของสถาบันศาสนา คือ ทฤษฎีภาวะทันสมัยของ Daneil lerner ในปัจจุบันโลกาภิวัฒน์เป็นพลัง ขับเคลื่อนแนวคิดเสรีนิยมไปยังพื้นที่ต่างๆ ซึ่งมาพร้อมกับหลักคิดของทุนนิยมและ บริโภคนิยม ศาสนาพทุธจึงได้ปรับตัวให้สอดคล้องกับปรากฏการณ์ดังกล่าว จน ละเลยหลักคำสอนดั้งเดิม ศาสนสถานกลายเป็นตลาดธรุกิจชั้นดีเน้นการแสวงหา ผลกำไรได้อย่างเสรีเช่น วัด สำนักนิกายใหม่ ที่ตอบสนองคณุค่าทางวัตถุมากกว่า คุณค่าทางจิตใจ นอกจากนี้ทุนนิยมไม่ได้อยู่ในขอบเขตเพียงด้านเศรษฐกิจ มีผล ในด้านสังคม และวัฒนธรรมอีกด้วย เช่น การรับบริจาคเงินหรือปัจจัยจากญาติ โยมผู้มีจิตศรัทธาเพื่อสมทบทุนสร้างสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัด โดยเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นและไม่เหมาะสมกับสมณะวิสัย หรือเพื่อการนำไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่นที่ขัด ต่อหลักพระธรรมวินัย แล้วมาเป็นข้ออ้างหรอืเหตุผลในการทำกิจกรรม หรือที่ เรียกว่าเป็นการ “ขายความเชื่อ” ที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ซึ่งบางกรณีอาจมีวัตถุ มงคลเหรียญต่างๆ รวมถึงพระพุทธรูปหรือรปูเคารพของเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงให้ เป็นสิ่งตอบแทน การหาเงินในการขายความเชื่อเรื่องบุญ ไม่ว่าจะเป็นการให้เช่า บูชาพระเครื่อง ถวายสังฆทานเวียน ทำบุญหยอดเหรียญเงินใส่ตู้บริจาค เป็นต้น

ที่มา:http://krukob.com/web/law1-2/?fbclid=IwAR0QeplHtcEfeeSWGXwHOIVPKT1sC_AKzkq38PPLCLSzgYDdHFomrWyS-VQ


สมาชิกที่จัดทำ
นางสาวนุสนา ทองพูน รหัส 046
นางสาวอันจีรา ฉิมจารย์ รหัส 066
นางสาวชลิตา พุ่มระหงษ์ รหัส 077
นางสาวอุบลรัตน์ มงคลกลิ่น รหัส 079
นางสาวตัสนีม หนูแดง รหัส 080
หมู่ที่ 2 สาขาการพัฒนาชุมชน